เทศน์เช้า วันที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๕๑
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
เวลาเขาทักกันนะ วันนี้วันปีใหม่ ปีใหม่ของชาวไทย เห็นไหม วันปีใหม่มันเป็นสมมุติขึ้นมา แต่ละพื้นถิ่นสมมุติขึ้นมา แต่วันปีใหม่ วันที่ ๑ มกราคมเป็นวันสากล สากลเพราะอะไร? เพราะโลกมันแคบ
เดี๋ยวนี้โลกมันแคบ การบริหารจัดการต้องให้ถึงกันหมด เมื่อก่อนเมืองไทยหยุดวันโกน วันพระ ในปัจจุบันนี้ที่หยุดวันโกนวันพระอยู่ก็ยังมีที่ลังกา เขากำลังทำประชาพิจารณ์กันอยู่ว่าจะเลื่อนให้เป็นวันเสาร์ อาทิตย์ เพราะอะไรรู้ไหม? เพราะเวลาวันหยุด วันทำการของเขามันไม่เป็นไปกับโลก มันไม่เป็นไปกับโลก นี่มันถึงว่าระบบเศรษฐกิจ เราไปห่วงกันเรื่องระบบเศรษฐกิจนะ เมื่อวานไปพูดกับเขา เขาถามนะ
คนเราทำไมต้องเกิดมา? เกิดมาต้องตาย แล้วเกิดมาทำไม?
นี่เขาบอก ใช่ คนเราเกิดมาทำไม? เกิดทำไมต้องเกิด?
คนนี่ต้องเกิดนะ เกิดเพราะอะไร? เกิดเพราะจิตมันทำลายไม่ได้ มันต้องเกิดโดยธรรมชาติ แล้วการเกิดเป็นมนุษย์ประเสริฐมากเลย แล้วทำไมต้องเกิดล่ะ? แล้วเกิดมาทำไม? เกิดแล้วทำไมมันต้องตายล่ะ?
นี่เพราะทำไมต้องเกิด? แล้วเกิดมาทำไมนี่แหละถึงมีศาสนาไง ศาสนาตอบโจทย์ของชีวิตได้หมดเลยนะ ชีวิตนี้มันเกิดมาจากไหน? ทำไมต้องเกิด เกิดแล้วทำอย่างไร? ทำเสร็จแล้วมันจะสิ้นสุดกระบวนการได้อย่างไร? ถ้ามันสิ้นสุดกระบวนการไม่ได้นะ คนที่เกิดมาทั้งหมดตายหมดเลย คนที่ตายต้องเกิดหมดเลย เพราะจิตมันไม่เคยตาย จิตเป็นอวิชชา จิตมันขับเคลื่อนไปตลอด คนที่เกิดมานี่ตายหมดเลย แล้วคนที่ตายแล้วก็เกิดหมด
เว้นไว้แต่พระอรหันต์เท่านั้น พระอรหันต์นะกิเลสตายแล้วไม่มีอะไรตาย การเกิดการตายเป็นของสมมุติ จิตนี้มันคงที่ของมัน จิตไม่เคยตาย ความรู้สึกไม่เคยตาย ถ้าความรู้สึกเคยตายนะ คนที่เกิดที่ตายกันอยู่นี่ต้องเกิดมาเป็นแม่พิมพ์เดียวกันหมดเลย แม่พิมพ์เดียวกันไง เพราะอะไร? เพราะมันเป็นวัตถุไง ดูสิโลกมันเป็นวัตถุ เห็นไหม สายการผลิตของอุตสาหกรรม อย่างใดอย่างหนึ่งออกมาจะเป็นสายการผลิตเดียวกัน จะเหมือนกันทุกอย่างเลย
เกิดจากพ่อแม่เดียวกัน เกิดจากท้องเดียวกัน ไม่เหมือนกันซักคน แล้วถ้ามันเกิดมา เกิดแล้วไม่ตาย ตายแล้วไม่เกิด เกิดในชาติปัจจุบัน คนเกิดมามันก็เหมือนกับวัตถุใช่ไหม? มันต้องเหมือนกันหมดใช่ไหม? ที่มันไม่เหมือนกัน เพราะกรรมของแต่ละคนไม่เหมือนกัน นี่เวลาเกิดนะ ปฏิสนธิจิต วิญญาณในปฏิจจสมุปบาท ไม่ใช่วิญญาณในขันธ์ ๕ มันเกิดในไข่ของมารดา
มันเกิดในไข่นะ ร่างกายนี่มันเป็นดีเอ็นเอ กรรมพันธุ์เป็นของพ่อของแม่ แต่หัวใจไม่ใช่ หัวใจไม่ใช่ ถ้าหัวใจใช่นะ พ่อแม่ต้องบังคับลูก เลี้ยงลูกให้เป็นคนดี แล้วลูกในท้องก็มีดี มีไม่ดีปนคละเคล้ากันไป คละเคล้ากันไปเพราะใจเป็นของเขา ใจเป็นของเขา นี่ไงที่มันทำไมต้องเกิด เห็นไหม ทำไมมันต้องเกิด เพราะจิตมันมีแรงขับ มันต้องเกิด แต่เพราะมีบุญถึงได้เกิดเป็นมนุษย์ เกิดเป็นมนุษย์นี่นะ เพราะเป็นมนุษย์มีสมอง มีปัญญา มีกฎหมายคุ้มครอง เกิดเป็นสัตว์ ถ้าเกิดเป็นสัตว์มีใครคุ้มครองมัน
เกิดเป็นสัตว์ เห็นไหม ดูสิล่าสัตว์เป็นกีฬา นี่ล่าสัตว์กัน แล้วเราไม่เคยเกิดเป็นสัตว์หรือ? พระโพธิสัตว์นะ มีอยู่ชาติหนึ่งเสวยชาติเป็นกระต่าย นี่นายพรานป่าเขาหลงทางไปในป่า เห็นไหม หิวข้าวมาก จะเป็นจะตายแล้วนะ จุดไฟเพื่อความอบอุ่น กระต่ายตัวนั้น กระต่ายพระโพธิสัตว์กระโดดเข้ากองไฟสละชีวิต เพื่อเอาเนื้อให้นายพราน ๒ คนนั้นได้ประทังชีวิต นี่คือบุญของพระโพธิสัตว์
จะบอกว่าสัตว์เดรัจฉานมันยังรู้จักทำบุญเลย มันสละ มันเอาตัวมันกระโดดเข้ากองไฟให้เนื้อมันเป็นอาหาร แล้วเวลาเกิดตายๆ อย่างนี้จิตใจของเขามันสูงส่งไง ถ้าจิตใจเขาสูงส่ง เวลามันเกิดมันตาย มันพัฒนาสูงขึ้นมา สัตว์มันยังคิดได้ดี แล้วลูกเต้าเราเวลาเราสอน ถ้าเราสอนให้เป็นคนดี มันมีในความคิดมันอยู่แล้วใช่ไหม? เราสอนให้มันดีมันยิ่งพัฒนาดีขึ้นไป ถ้าลูกของเรามีเวรมีกรรมต่อกันมา มีสิ่งที่บาดหมางกันมา เห็นไหม เกิดมาแล้ว นี่เวลาเรามีคู่ครองนะ คู่ทุกข์ -คู่ยาก คู่สร้าง-คู่สม
คู่ทุกข์-คู่ยาก คู่สร้าง-คู่สม คู่เวร-คู่กรรม มีเวรมีกรรมต่อกัน เกิดมาแล้วถ้ายังมีการทะเลาะเบาะแว้งกันอยู่ ถ้าเมื่อใดจิตใจมันปล่อยวางนะ เฮ้อ หมดเวรหมดกรรมเสียที แต่ถ้ามันไม่เฮ้อนะมันจะเป็นคู่เวรคู่กรรมไป คู่เวรคู่กรรม เห็นไหม นี่ที่ว่าการเกิดๆ เพราะแรงขับของกิเลสไง แรงขับของอวิชชามันพาเกิดพาตาย สิ่งที่เกิดนะ แล้วถ้าเกิด ถ้าตาย นี่ในปรมาณูของอากาศมีจิตอยู่ ๘ ดวง จิตนี้มหาศาลเลย แล้วจิตนี้เป็นหนึ่งเดียว จิตนี้เป็นหนึ่งเดียวเพราะอะไร? ถ้าจิตมันไม่เป็นหนึ่งเดียว พระโพธิสัตว์ การสร้างสมบุญญาธิการ การสร้างบุญญาธิการมา ๔ อสงไขย ๘ อสงไขย ๑๖ อสงไขย
การเกิดและการตาย กระต่ายตัวนั้นกระโดดเข้ากองไฟเพื่อสละชีวิตแล้ว แล้วบุญมันอยู่ที่ใคร? สิ่งที่การสร้างมันอยู่ที่ใคร? มันอยู่ที่ใจของกระต่าย กระต่ายตายเป็นกระต่ายไหม? มันเป็นจิตสากล จิตสากลไปเกิดเป็นคนต่อๆ ไป พอคนต่อๆ ไป นี่ไงบุญกุศลสิ่งที่ทำแล้วมันซับอยู่ที่ใจ มันซับอยู่ที่ใจ พระโพธิสัตว์ถึงไม่ขาดตอน เห็นไหม พระโพธิสัตว์ไปตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กรรมเวรของเรามันก็ไม่ตายมันก็ซับอยู่ที่ใจ พอซับอยู่ที่ใจมันเวียนตายเวียนเกิด แรงขับมันมีมันก็เวียนตายเวียนเกิด
แต่ถ้าไปเกิด เห็นไหม จิตนี้มีหนึ่งเดียว จิตมีหนึ่งเดียว ทำไมเมื่อก่อน ๑๖ ล้าน เดี๋ยวนี้เป็น ๖๐ ล้าน มันจะเป็นร้อยล้าน พันล้าน หมื่นล้าน เพราะมันยังอยากจะเกิดอีกมหาศาลที่มันเกิดไม่ได้ มันเกิดไม่ได้เพราะอะไร? เพราะจิตที่มันเกิดเป็นมนุษย์เหมือนเต่าตาบอดอยู่กลางทะเลนะ แล้วมีห่วงอยู่ห่วงหนึ่ง ถ้ามันโผล่ขึ้นมาในห่วงนั้นได้เกิดเป็นมนุษย์ แล้วมันโผล่ในทะเลมันจะโผล่เข้าห่วงนั้นไหม? มันจะโผล่ขึ้นมาๆ มันเกิดตายๆ
นี่ดูแมลงสิ แมลงอยู่บนอากาศ ดูนกมันเฉี่ยว มันฉกกินของมัน มันกินแมลงของมัน สัตว์มันกินสัตว์ สัตว์มันกินกันไป แล้วจิตหนึ่งๆ เท่านั้นแหละ แล้วมนุษย์มันตายแล้วมันเกิดเป็นมนุษย์หรือ? ตายแล้วมาเกิดเป็นสัตว์หรือ?
นี่พระในสมัยพุทธกาลนะตัดจีวรอยู่ แต่คืนนั้นท้องร่วงตาย พอท้องร่วงตาย ตัดจีวรอยู่ ได้จีวรใหม่ ก็เหมือนเราได้แฟชั่นใหม่ เรามีของใหม่มาเราก็อยากได้ใช่ไหม? พอได้จีวรใหม่ เพราะพระปฏิบัติ แต่พระนี่ใจยังไม่มั่นคง ใจยังโลเลอยู่ นี่คิดถึงจีวร ขณะตายเป็นห่วงจีวร ไปเกิดเป็นเล็นอยู่ในจีวรนั้นนะ
นี้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าการันตีเอง พอตายแล้วไปเกิดในจีวรนั้น วินัยสงฆ์ ของที่เป็นของสงฆ์ ผู้ใดอุปัฏฐากสงฆ์นั้นอยู่ สงฆ์นั้นตายไปบริขาร ๘ นั้นเป็นของผู้อุปัฏฐาก ถ้าไม่มีใครอุปัฏฐากของนั้นเป็นของกลาง ของกลางนั้นประชุมสงฆ์ให้แจกกัน นี่พอให้แจกกัน พอจะแจกกัน สงฆ์กำลังจะประชุมกันเอาผ้าจีวรผืนนั้นมาแจก พระพุทธเจ้ามาห้าม
ภิกษุให้เก็บผ้าผืนนี้ไว้ ให้วางไว้อย่าไปแตะต้อง
เพราะพระที่ตายไปไปเกิดเป็นเล็นหวงแหนมาก ถ้าหวงแหนมาก ถ้าไปแจกเขายิ่งมีความโกรธแค้น ถ้ามีความโกรธแค้น เขาเป็นเล็นเขาทำอะไรไม่ได้ พอโกรธแค้น นี่เล็นมีอายุ ๗ วัน ถ้ามีความโกรธแค้น ถ้าเขาตายจากเล็นไปเขาจะตกนรกอเวจี เพราะตายด้วยความอาฆาตมาดร้าย แต่ให้เก็บผ้าผืนนี้ไว้ก่อนให้ครบ ๗ วัน ให้เล็นนั้นครบ ๗ วันก่อน พอครบ ๗ วันเล็นนั้นเสวยสุขอยู่ในจีวรนั้น ครบ ๗ วันเล็นนั้นก็ตายไป แต่ตายไปด้วยความสุข ตายไปด้วยจีวรของฉันๆ ไปเกิดบนสวรรค์ เกิดสวรรค์เกิดนรกนี่ตรงนี้ ตรงที่บุญหรือบาป แต่บุญหรือบาปเราก็เข้าใจผิดอีก บุญหรือบาปไม่มี เห็นไหม นี่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาการันตีเองนะ นี่เวียนตายเวียนเกิดไง
เขาถามว่า ทำไมคนต้องเกิด ในเมื่อเกิดมาตาย แล้วเกิดมาทำไม?
มันเกิดมาโดยธรรมชาติ มันเกิดมาโดยสสาร มันเกิดมาเป็นวัฏฏะ มันเกิดโดยความเป็นจริง ความเป็นจริงโดยสมมุติที่มันต้องเกิด แล้วเกิดมาก็ทุกข์ๆ ยากๆ นี่แหละ แต่เกิดเป็นมนุษย์เกิดมาพบพุทธศาสนามีโอกาสได้แก้ไข
ดูสิ ดูพระ เห็นไหม พระที่ติดในจีวร ในปัจจุบันนี้เขาถามทำไมพระไปกราบฤๅษีชีไพร? พระไปกราบฤๅษีชีไพรคือว่าพระไม่มีหลักเกณฑ์ พระที่มีหลักเกณฑ์จะไปทำอย่างนั้นไม่ได้ นี่เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอก
ศาสนาจะเสื่อม เสื่อมเพราะพวกเราเอง เสื่อมเพราะพระเอง
ศึกษากันนะ ศึกษาจนข้างในกลวง ศึกษาจนไม่เข้าใจสิ่งใดๆ เลย ในเมื่อพอข้างในมันกลวง ข้างในไม่มีหลักเกณฑ์ พอข้างในไม่มีหลักเกณฑ์ เห็นฤๅษีเขามีฤทธิ์มีเดชไง เขามีสมาธิ เขาทำคุณไสย เขาทำอะไรได้ก็ไปกราบเขา ถ้าจะไปกราบเขานะ เดี๋ยวนี้เราไม่ต้องไปตื่นเต้นเลย โยมจะเหาะได้นะโยมซื้อตั๋วเครื่องบินสิ ถ้าโยมจะหูทิพย์นะโยมกดโทรศัพท์สิ เทคโนโลยีทำได้หมดเลย ถ้ามีสติซะอย่างเดียวไม่ตื่นเต้นกับเรื่องอย่างนี้เลย เรื่องอย่างนี้ไม่น่าตื่นเต้น วิทยาศาสตร์มันทำได้ แล้วทำไมพระไปตื่นเต้น พระไปตื่นเต้นอะไรกับสิ่งที่เป็นฌานโลกีย์ เป็นเรื่องโลกๆ ไร้สาระมาก
นี่จิตเวลาสงบเข้าไป เวลามันส่งออก จิตรู้นอก จิตรู้นอกคือจิตเห็นนิมิต จิตเห็นผี เห็นเปรต เห็นเทวดา เห็นพรหม จิตส่งออก จิตรู้นอกหมดเลย จิตรู้ใน จิตรู้ใน จิตรู้ทุกข์ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค มาจากไหน? มาจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นี่จิตรู้นอก จิตรู้ใน มีครูมีอาจารย์ไหม? แต่นี้จิตมันไม่มี จิตมันกลวง เห็นสิ่งใดก็ไปเคารพไปกราบไหว้ นี่ไงมันบอกถึงหมู่สงฆ์ที่มันไม่มีหลัก
นี่ธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่ที่ใจนะ อยู่ที่ใจคือเรารู้แจ้ง เราเข้าใจเรื่องของโลก เข้าใจเรื่องสิ่งต่างๆ ทั้งหมดเลย เราลังเลสงสัยไหม? เราจะไม่มีความลังเลสงสัยใดๆ เลย เราจะองอาจกล้าหาญเข้าได้ทุกสังคมเลย แล้วสังคมต่างๆ ที่เกิดขึ้นมา สังคมนั้นเกิดจากใคร? เกิดจากมนุษย์ทั้งนั้นแหละ เกิดจากมนุษย์ เกิดจากคน แล้วคนเกิดมาจากไหน? คนเกิดมาจากเพราะมีหัวใจ มีชีวิต
ชีวิตนี้คืออะไร? ชีวิตนี้คือไออุ่น ชีวิตคือพลังงาน แล้วพลังงานมันคืออะไร? พลังงานมันคืออวิชชา แล้วถ้าเราทำลายพลังงานนั้นสะอาดแล้ว เราเข้าใจตั้งแต่เริ่มต้น ดูสิเวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเย้ยมาร
มารเอย เธอเกิดจากความดำริของเรา
ความดำรินะ แล้วความดำริคือความคิดของมนุษย์ แล้วใจที่คิดอย่างนั้น ใจเราคิดอย่างนั้น แล้วเราเข้าใจใจของเรา เรารื้อค้นใจของเราหมดเลย แล้วใจของคนอื่นมันไปสงสัยอะไร? มันไปสงสัยใจของมนุษย์ที่ไหน? แม้แต่เทวดา อินทร์ พรหม ยังต้องมาฟังเทศน์องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เทศน์ครูบาอาจารย์เพราะอะไร? เพราะเขาก็มีความคิดอย่างนี้ แต่พอความคิดของเขาแล้วมันเป็นทิพย์ มันมาเองไปเองโดยธรรมชาติเลย
นี่ถ้าเป็นเทวดา อินทร์ พรหมนะ ความคิดนี่มันวิญญาณาหาร คิดสิ่งใดจะสมความปรารถนาในอายุขัยของเขา แต่เวลามันถึงที่สุดแล้วแสงความคิดมันจะอ่อนลงๆ เวลามันหมดแสง หมดพลังงานมันก็ตาย จิตตาย พอความตายในสถานะนั้นแต่จิตยังอยู่ เห็นไหม เกิดเป็นเทวดา ตายจากเทวดาไปเกิดเป็นอะไร? ก็เวียนเกิดเวียนตายอยู่อย่างนี้ ไม่มีใครสูงกว่าใครเลย เทวดา อินทร์ พรหมนี่มนุษย์สูงกว่า เพราะมนุษย์มีร่างกาย มีจิตใจ
เพราะมีร่างกาย มีจิตใจ ถ้าจิตใจมันมาค้นคว้าเรื่องร่างกายของเรา เห็นไหม นี่เกิดเป็นมนุษย์มีอำนาจวาสนาตรงนี้ แต่เกิดเป็นมนุษย์แล้ว มนุษย์สมบัตินะเป็นอริยทรัพย์ มนุษย์สมบัติ ชีวิตนี้เป็นอริยทรัพย์ แล้วมันมีโอกาสแค่ลมหายใจสุดท้าย แล้วพอตายไปแล้วนะเราจะพลัดพรากจากทรัพย์อันนี้ ทรัพย์ที่เป็นสิ่งที่เราเอามาเป็นต้นทุน ต้นทุนคือกาย สิ่งที่กระทบ เราต้องหาอาหารเลี้ยงมันนะ ร่างกายนี่ต้องหาอาหารเลี้ยงมัน แล้วควบคุมมันไม่ได้ มันจะเสื่อมสภาพไปเป็นธรรมดา
แต่เราก็ไปตื่นเต้นกับมัน เราก็ไปยึดมั่นกับมัน ทั้งๆ ที่มันเกิดมาโดยกรรมดี ให้เรามีโอกาสได้ชีวิตหนึ่ง ถ้าชีวิตหนึ่งเรามาค้นคว้า เรามาศึกษา ศึกษาธรรมคือศึกษาหัวใจ ศึกษาใจและศึกษาร่างกายของเรา ศึกษาความรู้สึกเรานี่คือศึกษาธรรม ไปศึกษาในพระไตรปิฎกไปศึกษาทฤษฎีไม่ใช่ศึกษาธรรม ศึกษาธรรมคือศึกษาหัวใจของเรา ศึกษาเรื่องกิเลสตัณหาความทะยานอยาก ศึกษาเรื่องทุกข์ ศึกษาเรื่องการเกิดและการตาย แล้วมันจบกันที่นี่
ตู้พระไตรปิฎกไม่เกิดไม่ตาย นี่หนังสือไม่เกิดไม่ตาย ทฤษฎีไม่เกิดไม่ตาย ซ้ำๆ นี่เรามาค้นคว้า เรามาพิมพ์ไว้ แต่ไอ้เกิดตายคือความรู้สึกของเรา เห็นไหม ศึกษาชีวิต ศึกษาทุกข์ ศึกษาเข้าใจ แล้วศึกษานี่ที่นี่แล้วถ้าเข้าใจตรงนี้หมด เข้าใจเรื่องอริยสัจ แล้วเรื่องที่เป็นฌานโลกีย์มันเรื่องไร้สาระ เรื่องไร้สาระมาก
ศาสนาประเสริฐ ประเสริฐที่พวกเราชาวพุทธเห็นเขาไปกราบแล้วรับกันไม่ได้ๆ เพราะอะไร? เพราะทำไมพระข้างในมันกลวง ทำไมหัวใจไม่มี เหมือนหุ่นยนต์ หุ่นยนต์โปรแกรมที่เขาบล็อคไว้ด้วย เห็นใครตื่นเต้นก็ไปกราบไปไหว้
พูดถึงความเป็นไปของศาสนานะ ถ้าศาสนามันดีขึ้นมา ดีขึ้นมามันดีขึ้นมาจากเราก่อน ถ้าเรามีหลักมีเกณฑ์ของเรา เห็นไหม เราจะรู้ถูกรู้ผิด รู้ถูกรู้ผิดเราจะชี้แจงสิ่งใดได้ ถ้าชี้แจงสิ่งใดได้ เรารู้ถูกรู้ผิด สังคมทุกคนรู้ถูกรู้ผิดหมด ธรรมเจริญ ธรรมเจริญคือความรู้ความเห็นของคนเจริญ เจริญที่มันเข้าใจสภาวะตามความเป็นจริงทั้งหมด ถ้ามันเสื่อมถอย เสื่อมถอยจนถือผีถือสางนะ
ถือผีถือสาง นี่พระเป็นซะเอง แล้วเทคโนโลยีเดี๋ยวนี้มันไว พระนี่ตายเพราะเทคโนโลยีนะ เทคโนโลยีมันไวเพราะอะไร? เพราะมันไปกราบกันที่นั่น มันรู้ไปทั่วโลกเลย มันออกอินเตอร์เน็ต ออกไปหมดเลยไปทั่วโลก เห็นไหม ทำอยู่ในที่ลับ แต่รู้ไปรอบโลก แล้วโลกก็ติเตียน ติเตียนผู้กระทำนั้น
นี่การกระทำของเรา ถ้าการกระทำของเราในที่ลับ ในที่ลับคือความคิดไง คิดนี่นึกว่าลับ ไม่มีใครเห็น ความคิดนี่นึกว่าลับ ตัวคิดเรารู้นะ เรานี่คิดเรารู้ แล้วเอาความคิดเหยียบย่ำตัวเอง ไม่มีที่ลับ ไม่มีที่แจ้ง เพราะมีเราอยู่ ยังมีเราอยู่ ยังมีทุกข์อยู่ ยังมีอวิชชาอยู่ ถ้ามันเข้ามาทำลายที่นี่นะไม่มีที่ลับ ไม่มีที่แจ้ง เพราะไม่มีเรา ไม่มีสิ่งต่างๆ เลย ไม่มีเรายิ่งรู้แจ้ง ยิ่งเข้าใจสภาวะแบบนั้นนะ
นี่ถ้ามันเป็นวันสงกรานต์ วันปีใหม่เป็นประเพณีวัฒนธรรม ประเพณีวัฒนธรรมของสังคม สังคมแต่ละถิ่นเขาทำประเพณีต่างๆ กันไป สิ่งนี้มันทำให้เราเริ่มต้นชีวิต นี่เราทักทายกัน เราอวยพรกันให้เป็นคติธรรม เป็นคติตัวอย่างนะ คติจากศีลธรรม นี่ประเพณีวัฒนธรรม ศีลธรรม แล้วธรรมในหัวใจ เห็นไหม มันละเอียดเป็นชั้นๆ ขึ้นไป ถ้าเราไปติดในประเพณีข้างนอกเราจะเข้ามาไม่ได้ เราตระหนี่ในทรัพย์ของเรา นี่เราสละทานไม่ได้หรอก
นี่ที่สละทานไปแล้วสละไปให้แก่ภิกษุ ภิกษุเป็นผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร ดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยปลีแข้ง สิ่งที่เราสละขึ้นมามันเป็นสละด้วยชีวิตเลย เหมือนกับสิ่งนี้ ถ้าเราหิวกระหาย เราทุกข์ยากมาก อาหารมื้อนี้เราไม่กิน เราตายไป แล้วเราสละให้พระไป ให้พระได้ฉัน นี่เราก็เท่ากับได้สละชีวิต เท่ากับสละชีวิตมันเป็นบุญกุศลไหม? สิ่งที่เป็นกุศล แล้วเราสละออกมามันเป็นเพื่อสังคม เป็นเพื่อสาธารณะ สละนี่เป็นทาน มันสละออกไปเพื่อความฝึกฝนใจ ฝึกฝนใจเพื่อเรา
ย้อนกลับมา นี่ทาน ศีล ภาวนา ถ้ามีการฝึกฝน มีการกระทำอย่างนี้มันจะรู้จักใจ สิ่งที่เป็นนามธรรม สิ่งที่เป็นความทุกข์ สิ่งที่เป็นความรู้สึกๆ ถ้าจิตสงบเข้ามามันจะเห็นความรู้สึก แล้วความรู้สึกนี่เป็นตัวตนของเรา แล้วแก้ไขที่ตัวตนของเรา ถ้าแก้ไขที่ตัวตนของเรานะ ธรรมะพระพุทธเจ้ากับความรู้สึกของเราเหมือนกัน เข้าใจองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เข้าใจทุกๆ อย่าง เข้าใจสิ้น เข้าใจ วัฏฏะเข้าใจหมด รู้แจ้งเห็นจริงไปทั้งวัฏฏะหมดเลย แล้วไม่มีอะไรลังเลสงสัยในหัวใจเลย นี่ศาสนาเจริญ
เราเป็นชาวพุทธไง เห็นไหม ต้นไม้มีเปลือก มีแก่น มีกระพี้ หัวใจของเราถ้าไปศรัทธาในสิ่งที่เป็นเปลือกๆ หัวใจเราก็มีแต่เป็นเปลือก ถ้าหัวใจเราละเอียดเข้าไป หัวใจเราเป็นแก่น เป็นต่างๆ ขึ้นมา นี่เราพัฒนาที่นี่ อาหารไว้เลี้ยงชีพ เลี้ยงร่างกาย ธรรมะให้เลี้ยงหัวใจ ให้หัวใจมันฉลาด ให้หัวใจมันไม่เป็นเหยื่อของสังคม ไม่เป็นเหยื่อของโลก นี่อยู่กับโลกแต่ไม่ติดโลก
เกิดมากับโลกนะ ทุกคนเกิดจากพ่อจากแม่ ไม่มีใครเกิดจากกระบอกไม้ไผ่หรอก ทุกคนเกิดจากพ่อจากแม่ จากพ่อแม่เป็นโลกไหม? ก็เป็นโลก เกิดมาเป็นโลกแล้ว เอาชีวิตนี้ทำอะไร? ถ้าเป็นโลกมันก็เป็นโลกต่อไป ถ้าชีวิตนี้ค้นคว้าออกมามันจะเป็นธรรม ธรรมะเหนือโลก ธรรมะไม่ใช่อยู่ในโลก แล้วสิทธิมีทุกคน ไม่ใช่พระพูดว่าพระมีธรรมะแล้วคฤหัสถ์เราไม่มีธรรมะ คฤหัสถ์เราไม่มีโอกาส
ไม่ใช่ คนมีหัวใจ เป็นเจ้าของศาสนาหมด คนมีหัวใจ พุทโธ พุทธะ ผู้รู้ แล้วคนที่มีชีวิตอยู่มีความรู้สึก ความรู้สึกนี้คือพุทโธ ความรู้สึกนี้คือพุทธะ แล้วพุทธะมันอยู่กลางหัวใจของทุกๆ คน แล้วใครไม่เป็นเจ้าของศาสนา แล้วถ้าเป็นเจ้าของศาสนา แล้วเราได้อุปัฏฐากพุทโธ อุปัฏฐากคือดูแลรักษา ได้อุปัฏฐากพระพุทธเจ้าไหม? นี่เรากราบพระกัน นี่เรากราบรูปเคารพนะ นี่ทองเหลือง มากราบทองเหลืองกัน แล้วหัวใจได้กราบไหม?
นี่ทองเหลืองนะ สมมุติว่าเป็นพระพุทธเจ้า แล้วเราเป็นชาวพุทธกันเราเคารพในพระพุทธเจ้าใช่ไหม? เวลาเรากราบพระเราไม่ได้กราบทองเหลืองนะ เรากราบปัญญาคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่สละชีวิตมาเป็น ๘ อสงไขย ๑๖ อสงไขย เพื่อรื้อค้นธรรมะนี้มา แล้วมาเป็นธงชัย มาประสิทธิ์ประสาทความรู้เป็นธรรมวินัยให้กับพวกเรา
เรากราบครั้งแรก เรากราบถึงพระพุทธเจ้า คุณของพระพุทธเจ้า
กราบครั้งที่ ๒ กราบถึงธรรมะที่ละเอียดอ่อน ที่ลึกซึ้งมาก ที่พระพุทธเจ้ารื้อค้นขึ้นมา
กราบครั้งที่ ๓ กราบพระอริยสงฆ์ที่ทรงธรรมและวินัยไว้เผื่อแผ่พวกเรา
เวลาเรากราบพระนี่เรากราบพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เราไม่ได้กราบทองเหลือง เราไม่ได้กราบอิฐ หิน ทราย ปูนหรอก เรากราบคุณธรรม กราบพระให้ถึงพระ แล้วเวลาพระในหัวใจเราก็อุปัฏฐากรักษามัน ถึงว่าทุกคนมีสิทธิเสรีภาพ ทุกคนมีสิทธิเข้าถึงธรรมได้หมดเลย ไม่ใช่พระเท่านั้นจะเข้าถึงธรรม มนุษย์ทุกคน จิตทุกดวงจิตมีโอกาสชำระกิเลส จิตทุกดวงจิตตายแล้วต้องเกิดหมด เกิดแล้วต้องตายหมด แล้วถ้าชำระจิตดวงนั้นสิ้นสุดแล้ว จิตดวงนั้นจะไม่เกิดอีกเลย ไม่เกิดเพราะไม่มีแรงขับ แล้วจะรู้เอง
รู้จริงๆ ถ้าไม่รู้จริงๆ พระพุทธเจ้าโกหก พระพุทธเจ้าไม่เคยโกหกใคร พระพุทธเจ้าพูดจริง แต่พวกเราทำไม่ถึงความจริง ธรรมะกับใจเราถึงไม่เป็นอันเดียวกัน ถ้าธรรมะกับใจเป็นอันเดียวกัน เอโก ธัมโม ใจเป็นหนึ่ง เห็นไหม ใจเป็นพุทธะ ใจเป็นผู้รู้ เราถึงเป็นเจ้าของศาสนา
ศาสนานอก ศาสนาใน นี่ว่าศาสนาต้องไปวัดไปวา ไอ้นี่มันศาสนวัตถุ ศาสนพิธี ศาสนบุคคล ศาสนธรรม ศาสนามันอยู่ที่ไหนล่ะ? ศาสนามันอยู่ที่ศาสนธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ศาสนามันอยู่ที่หัวใจของเรา ศาสนาอยู่ที่ความเข้าใจของพุทธะในหัวใจ พระพุทธเจ้าอยู่ที่ใจเรา นั้นเป็นตัวศาสนาจริง เอวัง